๏ สำรวจตัวเอง ๏
1. ให้บุรุษทุกคนย้อนกลับไปคิดถึงอดีต อายุประมาณสิบแปดถึงยี่สิบปี ตอนที่เราเป็นวัยรุ่นเกเร แล้วมีผู้ใหญ่ที่เราเคารพ
เวลาที่พบกันแล้วเขาถามถึงความทุกข์สุขของเราเสมอ มีสามท่านที่เรานึกถึงไหมครับ ให้ลองเขียนสามชื่อ
1.1 1.2 1.3
2. และลองเปลี่ยนความคิดใหม่ ให้สมมติว่าเราเป็นผู้ใหญ่เหล่านั้นที่มีเด็กเกเรนับถือเรา มีข้อคิดอะไรบ้างที่เราได้จากเรื่อง
นี้ ให้เรามีโอกาสแบ่งปันร่วมกัน
(Mentoring)- พี่เลี้ยง
1.ความสำคัญของพี่เลี้ยง
1.1 เราต้องการกันและกัน
- เมื่อเราได้มารู้จักพระเจ้า เราได้มีครอบครัวใหม่ในฝ่ายจิตวิญญาณที่พระเจ้าปรารถนาให้เราอยู่ร่วมกัน เพื่อเสริมสร้างซึ่งกันและกัน รับใช้ซึ่งกันและกัน ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เพื่อไปถึงเป้าหมายของพระเจ้า คือถึงความไพบูลย์ของพระคริสต์ร่วมกัน
อฟ.4:13 “จนกว่าเราทุกคนจะบรรลุถึงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในความเชื่อและในความรู้ถึงพระบุตรของพระเจ้า บรรลุความเป็นผู้ใหญ่ คือโตเต็มถึงขนาดความบริบูรณ์ของพระคริสต์”
1.2 เป็นคำสั่งของพระเยซูคริสต์
ยอห์น 21:17 พระองค์ตรัสกับเขาครั้งที่สามว่า “ซีโมนบุตรยอห์นเอ๋ย ท่านรักเราหรือ?” เปโตรเสียใจมากที่พระองค์ตรัสถามเขาครั้งที่สามว่า “ท่านรักเราหรือ?” เขาจึงทูลพระองค์ว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ทรงทราบทุกสิ่ง พระองค์ทรงรู้ดีว่าข้าพระองค์รักพระองค์” พระเยซูตรัสกับเขาว่า “จงเลี้ยงดูแกะของเราเถิด
1.3 พระเยซูคริสต์ทรงใช้เวลากับอัครทูตทั้ง 12 คน ตลอดเวลาขณะที่พระองค์อยู่บนโลก
มก.3:14 14พระองค์จึงทรงแต่งตั้งสิบสองคนไว้ให้อยู่กับพระองค์ เป็นกลุ่มคนที่พระองค์เรียกว่าอัครทูต เพื่อจะทรงใช้พวกเขาออกไปประกาศ”
2. ความหมาย
เป็นกระบวนการในการฟูมฟักและฝึกฝนผู้เชื่อให้สู่ความเป็นผู้ใหญ่ในพระเยซูคริสต์และปรนนิบัติรับใช้พระเจ้าตามของประทานที่พระเจ้าประทานให้แก่พวกเขาโดยมีลักษณะของความสัมพันธ์ ดังนี้
• คนที่ช่วยเหลืออีกคนหนึ่งให้เติบโตด้านร่างกายจิตใจจิตวิญญาณ, การรับใช้ หรือทักษะในงานอาชีพ ผ่านความสัมพันธ์ส่วนตัวในช่วงเวลาหนึ่ง
• คนสองคนตกลงกันที่จะให้ความสนใจอย่างเต็มที่ว่าพระเจ้ากำลังทำอะไรในชีวิตของซึ่งกันและกันและแสวงหาที่จะตอบสนองด้วยความเชื่อ (Eugene H. Peterson)
3. ระยะเวลา
• การเป็นพี่เลี้ยงเป็นกระบวนการที่ต้องใช้เวลา (결혼관계)
3.1 การฟูมฟัก
เมื่อมีผู้ที่มาเชื่อในพระเยซูคริสต์ใหม่นั้น เขาเปรียบเสมือนทารกฝ่ายวิญญาณ ที่มีความจำกัดในการดูแลตัวเอง ทารกไม่สามารถดูแลตนเองได้ฉันใด เขาก็ไม่สามารถดูแลตนเองได้ฉันนั้น เขาจำเป็นต้องพึ่งพาผู้อื่นในการเลี้ยงดู เพื่อเขาจะเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ในพระเยซูคริสต์
1ปต.2:2 “เช่นเดียวกับทารกแรกเกิด จงปรารถนาน้ำนมฝ่ายวิญญาณที่ไร้สิ่งเจือปน เพื่อโดยน้ำนมนั้นพวกท่านจะเติบโตขึ้นสู่ความรอด”
การติดตามผล 4 วิธีในพันธสัญญาใหม่
1. การพบปะเป็นการส่วนตัว (Personal contact)
การใช้เวลาเป็นการส่วนตัว ทำให้พี่เลี้ยง (Mentor) และน้องเลี้ยง (Mentee) รู้จักซึ่งกันและกันมากขึ้น ในด้านอารมณ์ อุปนิสัย จุดเด่น จุดด้อย ข้อดี ข้อเสีย และยังเป็นวิธีที่ทำให้ ผู้เลี้ยงสามารถส่งอิทธิพลในทางบวกให้กับน้องเลี้ยงได้โดยตรง
1.1 ตัวอย่างในพระคัมภีร์
• พระเยซูกับ 12 อัครสาวก
มก.3:13-14 “แล้วพระองค์เสด็จขึ้นภูเขา และพระองค์พอพระทัยผู้ใด ก็ทรงเรียกผู้นั้น แล้วพวกเขาก็มาหาพระองค์ 14พระองค์จึงทรงแต่งตั้งสิบสองคนไว้ให้อยู่กับพระองค์ เป็นกลุ่มคนที่พระองค์เรียกว่าอัครทูต เพื่อจะทรงใช้พวกเขาออกไปประกาศ”
• บารนาบัสกับเปาโล
กจ. 9.26-27 “เมื่อเซาโลไปถึงกรุงเยรูซาเล็มแล้ว ท่านพยายามจะเข้าร่วมกับพวกสาวก แต่เขาทั้งหลายกลัว เพราะไม่เชื่อว่าเซาโลเป็นสาวก 27แต่บารนาบัสพาท่านไปหาพวกอัครทูต และเล่าให้พวกเขาฟังว่าเซาโลเห็นองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ที่ตรัสกับท่านระหว่างทางอย่างไร และท่านประกาศออกพระนามพระเยซูด้วยใจกล้าหาญในเมืองดามัสกัสอย่างไร”
2. การอธิษฐานเป็นการส่วนตัว (Personal prayer)
อธิษฐานเผื่อเขาอย่างเฉพาะเจาะจง
- พระเยซูทรงอธิษฐานก่อนเลือกอัครสาวก 12 คน
ลก.6:12-13 “ในเวลาต่อมาพระเยซูเสด็จไปที่ภูเขาเพื่อจะอธิษฐาน พระองค์ทรงอธิษฐานต่อพระเจ้าตลอดทั้งคืน 13พอถึงรุ่งเช้าพระองค์ทรงเรียกสาวกมา แล้วทรงเลือกสาวกสิบสองคนผู้ซึ่งพระองค์ให้ชื่อว่าอัครทูต”
- พระเยซูทรงอธิษฐานเผื่ออัครทูต
ยน.17:6-9 6“ข้าพระองค์สำแดงพระนามของพระองค์ แก่บรรดาคนที่พระองค์ประทานแก่ข้าพระองค์จากโลก คนเหล่านั้นเป็นของพระองค์แล้ว และพระองค์ประทานพวกเขาแก่ข้าพระองค์ และเขาได้ปฏิบัติตามพระดำรัสของพระองค์แล้ว 7บัดนี้พวกเขารู้ว่าทุกสิ่งที่พระองค์ประทานแก่ข้าพระองค์นั้นมาจากพระองค์ 8เพราะว่าพระดำรัสที่พระองค์ตรัสแก่ข้าพระองค์นั้น ข้าพระองค์ให้พวกเขาแล้วและเขารับไว้ และรู้แน่ว่าข้าพระองค์มาจากพระองค์ และเชื่อแล้วว่าพระองค์ทรงใช้ข้าพระองค์มา 9ข้าพระองค์อธิษฐานเพื่อพวกเขา ข้าพระองค์ไม่ได้อธิษฐานเพื่อโลก แต่เพื่อคนเหล่านั้นที่พระองค์ประทานแก่ข้าพระองค์ เพราะว่าเขาเป็นของ
3. การส่งตัวแทนส่วนตัว (Personal Representatives)
เมื่อเปาโลไม่สามารถเดินทางไปได้ เปาโลส่งคนเหล่านี้ไปเป็นตัวแทนของท่าน
ตัวแทนของอัครทูตเปาโล
- ทิโมธี (ฟป.2:19-22)
- เอปาฟรัส (คส.1:7 ; 4:12)
- ทีคีกัส (กจ.20:4 ; 2ทธ.4:12 ; คส.4:7)
- ทิตัส 2คร.8:23 ; 2ทธ.4:10 ; ทต.1:5)
4. การเขียนจดหมายส่วนตัว (Personal Corresdence)
- ในพันธสัญญาใหม่ เปาโลได้เขียนจดหมายทั้งหมด 13 ฉบับ เพื่อสอน เตือนสติ หนุนใจคริสตจักรและบุคคล
- เปโตรเขียนจดหมาย 2 ฉบับ (2ปต1:12-15)
เนื่องจากในสมัยนั้นไม่มีโทรศัพท์ หรือ อินเตอร์เน็ต เปาโล และเปโตร จึงใช้การเขียนจดหมาย แต่ในยุคสมัยปัจจุบันเราสามารถประยุกต์ใช้เครื่องมืออื่น ๆ หรือ Social Networking ในการติดต่อสื่อสารแทนได้ เช่น sms , Line , Zoom ฯลฯ ซึ่งสะดวก รวดเร็วกว่า และมีฟังก์ชั่นการใช้งานให้เลือกใช้หลากหลาย และดีกว่าในสมัยก่อนมาก
4. การฝึกฝนผู้เชื่อ
• คือการทำหลาย ๆ ครั้งจนชำนาญ เช่น การขับรถต้องฝึกขับหลาย ๆ ครั้ง จึงจะสามารถขับเป็นได้
• ต้องมีคนเป็นต้นแบบ พี่เลี้ยงต้องเป็นผู้ที่มีความเชี่ยวชาญและมีประสบการณ์มากกว่าน้องเลี้ยง จึงจะสามารถนำไปสอนต่อ ถ่ายทอด แนะนำ และทำให้ดูเป็นแบบอย่างได้
องค์ประกอบ 4 ส่วนในการฝึกฝน
1) พี่ทำ น้องดู
2) เราทำด้วยกัน
3) ให้น้องทำ พี่หนุน
4) น้องหาคนอื่น และทำให้เขาดู
5. เป้าหมาย
5.1 เติบโตขึ้นสู่ความเป็นผู้ใหญ่ในพระคริสต์
• Being สำคัญกว่า Doing (ตัวตนที่แท้จริงของเราสำคัญกว่าสิ่งที่เราทำ)
• ให้เขาเติบโตขึ้นในความสัมพันธ์ของเขากับพระเจ้า ในพระคำ ในการนมัสการ ในการอธิษฐาน
• ในลักษณะชีวิตส่วนตัวที่เหมือนกับพระเยซูคริสต์
5.2 เติบโตขึ้นในของประทาน
2ทธ.1:6 “ เพราะเหตุนี้ข้าพเจ้าจึงขอเตือนความจำท่านว่า ของประทานของพระเจ้าที่มีในตัวท่านโดยผ่านทางการวางมือของข้าพเจ้านั้น จงทำให้รุ่งเรืองขึ้น”
• ช่วยเขาให้ค้นพบของประทาน
วิธีการช่วยค้นพบของประทาน
มักเป็นสิ่งที่ชอบ เรามีความสนใจ หรือมีความถนัดในด้านหนึ่งด้านใดเป็นพิเศษหรือไม่
ลองทำดู ลองลงมือทำดูโดยใช้เวลาสักระยะหนึ่ง ว่าเราสามารถทำได้ดี มีการพัฒนาขึ้นหรือไม่
ให้คนอื่นช่วยเป็นกระจก สอบถามคนที่อยู่รอบข้างว่า มีสิ่งใดหรือการรับใช้พระเจ้าในด้านใดบ้าง ที่ทำให้เขารู้สึกว่าได้รับพระพร หรือได้รับการสัมผัสแตะต้องเป็นพิเศษจากพระเจ้าผ่านชีวิตของเรา
ทำแบบทดสอบของประทาน ทำแบบทดสอบที่จัดทำขึ้นโดยคริสตจักร เพื่อเป็นการช่วย และตรวจสอบหาของประทานเบื้องต้นในชีวิตของเรา * (สถาบันมีแบบทดสอบของประทาน )
5.2 ให้เขาสามารถสอนคนอื่นต่อได้
• ไม่เพียงแต่สอนให้เขาติดตามพระเจ้าเท่านั้น แต่ต้องสอนให้เขาเข้าใจและฝึกฝนเขาให้เกิดความชำนาญ และสามารถที่จะสอนคนอื่นต่อได้ ซึ่งเป็นพระมหาบัญชาของพระเยซูคริสต์ ที่จะทำให้อาณาจักรของพระเจ้าขยายออกไป
ลก.6:40 “ ศิษย์ไม่ใหญ่ไปกว่าครู แต่ศิษย์ทุกคนที่ได้รับการฝึกสอนสมบูรณ์แล้ว ก็จะเป็นเหมือนอย่างครู”
6. หลักสำคัญในการเป็นพี่เลี้ยง
6.1 ถ่ายทอดด้วยคำสอนที่ถูกต้อง
- สามารถสอนพระวจนะได้อย่างถูกต้องตามหลักการพระคัมภีร์
2ทธ.2:15 “จงอุตส่าห์สำแดงตนว่าได้ทรงพิสูจน์แล้วเป็นคนงานที่ไม่ต้องอาย ใช้พระวจนะแห่งความจริงอย่างถูกต้อง”
6.2 เป็นแบบอย่างของชีวิต
การมีชีวิตที่เป็นแบบอย่างเป็นสิ่งที่มีความสำคัญ เพราะจะทำให้พี่เลี้ยงมีความน่าเชื่อถือ ซึ่งจะทำให้น้องเลี้ยงสามารถดูเป็นแบบอย่าง และทำตามพี่เลี้ยงได้
1คร.11:1 “ท่านทั้งหลายจงทำตามแบบอย่างของข้าพเจ้า เหมือนอย่างที่ข้าพเจ้าทำตามแบบอย่างของพระคริสต์”
ไม่มีใครเป็นคนที่สมบูรณ์แบบนอกจากพระคริสต์ แต่พี่เลี้ยงต้องมีความตั้งใจที่จะดำเนินชีวิตเหมือนกับพระคริสต์ หากพี่เลี้ยงผิดพลาดแต่รีบกลับใจและขอโทษในสิ่งที่ทำผิดไป ก็จะทำให้น้องเลี้ยงได้เห็นแบบอย่างที่ดี และกล้าที่จะเปิดเผยตนเองกับพี่เลี้ยงมากขึ้น
6.3 เรามีเวลาที่จำกัด เราจึงต้องใช้เวลาที่มีอยู่อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด
- การใช้เวลาแบบส่วนตัวจะมีประสิทธิภาพมากกว่าการใช้เวลาแบบเป็นกลุ่ม เพราะจะสามารถลงลึกในชีวิตส่วนตัว และรายละเอียดต่าง ๆ ได้มากกว่า
- ถ้าเราต้องเลือกระหว่างคนสองประเภท คือคนที่ร้อนรน กับคนที่ไม่ร้อนรน หากเราเลือกใช้เวลากับคนที่ร้อนรน กระตือรือร้น ในการเดินติดตามพระเจ้า จะมีผลทำให้งานของพระเจ้าเกิดผล และขยายออกไปมากกว่าในระยะยาว
7. ลักษณะชีวิตที่พี่เลี้ยงควรมี
เป็นผู้ใหญ่ในฝ่ายจิตวิญญาณ
มีชีวิตที่เป็นแบบอย่างในความบริสุทธิ์
รักและเอาใจใส่
เข้าหาผู้อื่นก่อน
มีความยืดหยุ่น
ให้โอกาส
มีความเมตตากรุณา
มีความสุภาพอ่อนโยน
เตือนสติ
หนุนใจ
ช่วยเหลือเผื่อแผ่
อุทิศตัว
8. ทักษะสำคัญของพี่เลี้ยง
“ การฟัง” และ “การถาม“ เป็นคุณสมบัติที่สำคัญที่จะทำให้พี่เลี้ยงเข้าใจเรื่องราวต่าง ๆ ได้อย่างถูกต้อง ซึ่งผลที่ตามมาคือ ทำให้พี่เลี้ยงสามารถแนะนำน้องเลี้ยงได้อย่างถูกต้องเช่นกัน
การโค้ช (Coaching) คือทักษะในการสื่อสารและการทำงานร่วมกัน ระหว่างพี่เลี้ยงและน้องเลี้ยง เพื่อให้น้องเลี้ยงสามารถพัฒนาตนเองขึ้นได้ด้วยความสามารถของเขาเอง โดยพี่เลี้ยงต้องเปิดใจ และเชื่อมั่นในศักยภาพของน้องเลี้ยง และใช้ทักษะการโค้ช เช่น คำถามปลายเปิดเพื่อ สร้างการเติบโตทางความคิด ให้ได้ความคิดใหม่ เพื่อให้ผลที่เกิดขึ้นมีคุณภาพ ให้เกิดการพัฒนาตัวเอง และการสร้างแรงบันดาลป็ใจ เนต้น
การให้คำปรึกษา (Consulting) สามารถให้คำปรึกษาแนะนำเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ให้น้องเลี้ยงได้รับรู้ แล้วสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในสถานการณ์ต่าง ๆ ได้
การให้คำปรึกษาด้านชีวิต (Counseling) เป็นการให้คำปรึกษาเพื่อแก้ไขปัญหาชีวิต ให้สามารถดำรงชีวิต ได้อย่างมีความสุข และไปถึงเป้าประสงค์ของพระเจ้าในชีวิต
มีวิจารณญาณ สามารถที่จะเข้าใจสถานการณ์ของน้องเลี้ยง และนำมาวินิจฉัย แยกแยะ และแนะนำน้องเลี้ยงในเรื่องทางจริยธรรมที่ถูกต้องเหมาะสมได้
9. พี่เลี้ยงที่ดี
เอาใจใส่ชีวิตน้องเลี้ยง ความต้องการ ,อารมณ์ ,ความรู้สึก ,ค่านิยม, ความคิด, พฤติกรรม ความเชื่อ, ไลฟ์สไตล์, สิ่งที่ต้องการพัฒนา
การพูดคุยส่วนตัว ทั้งที่มีและไม่มีวัตถุประสงค์ชัดเจน ศึกษาพระคำอธิษฐาน, แก้ไขวิกฤตเฉพาะหน้า, การตัดสินใจที่สำคัญ, เรียนรู้ทักษะบางอย่าง ฯลฯ
การทำพันธกิจหรือโปรเจคร่วมกัน ทำงานที่เดียวกัน ไปมิชชั่นทีม วิชั่นทีม รับใช้ในทีมเดียวกัน ฯลฯ
ให้คุณค่ากับ “เวลาพิเศษ” ของน้องเลี้ยงรับปริญญาแต่งงานวันเกิดขึ้นบ้านใหม่เลื่อนตำแหน่ง ฯล
ใช้เวลาพักผ่อนหรือสันทนาการด้วยกัน โดยเฉพาะน้องเลี้ยงที่ยังอายุน้อย
ช่วยในการตัดสินใจ (Decision Making)
พี่เลี้ยงมองสถานการณ์, สะท้อนความคิด, แชร์ประสบการณ์, ช่วยไตร่ตรอง, คิดถึงทางเลือกต่างๆ, ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นและอธิษฐานเผื่อ
พี่เลี้ยงอยู่เคียงข้างไม่ว่าผลการตัดสินใจจะเป็นอย่างไรการอธิษฐาน
ให้ตระหนักถึงการทรงสถิตของพระเจ้าแสวงหาสติปัญญาจากพระองค์
เป็นแหล่งพลังฝ่ายวิญญาณ
แบ่งปันอารมณ์ความรู้สึกและความกังวลใจ
ตรวจสอบสภาพจิตวิญญาณของน้องเลี้ยง
10. น้องเลี้ยงที่ดี
ยอมฟังผู้อื่น ถ่อมใจ
ไว้วางใจ และเปิดเผย
แสวงหาการเติบโต โดยเฉพาะช่วงเวลาที่มีการเปลี่ยนแปลงขชีวิต เช่นการเริ่มเข้าเรียนในมหาวิทยาลัย, มีแฟน, เริ่มงาน, แต่งงาน, มีลูก, เริ่มทําธุรกิจ, เริ่มงานรับใช้ใหม่ ๆ เป็นต้น
จากงานวิจัยพบว่า
การรักษาความลับ (Confidentiality)
70% ของน้องเลี้ยงบอกว่าการรักษาความลับเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด 25% บอกว่า“ สําคัญมาก
76.8% ของน้องเลี้ยงบอกว่า “คุยเรื่องส่วนตัวให้พี่เลี้ยงฟังเป็น“ ครั้งคราว 21.4% “คุยเรื่องส่วนตัวกับพี่เลี้ยง เสมอ ๆ “
สำหรับน้องเลี้ยงพี่เลี้ยงคือ “ ที่ปรึกษาที่พร้อมช่วยเหลือและจับต้องได้” (immediate and 13 touchable counselor) และเป็น “แหล่งพลังฝ่ายวิญญาณ” (sprititual backup)
ความสัมพันธ์ตลอดชีวิต
73.2% ของน้องเลี้ยงบอกว่าความสัมพันธ์กับพี่เลี้ยงเป็น “ความสัมพันธ์ตลอดชีวิต” (life-time relationship)
50% ของพี่เลี้ยงน้องเลี้ยงตอบว่าพี่เลี้ยงน้องเลี้ยงน้องอยู่ใน “ระดับเดียวกับคนในครอบครัว” เป็นเหมือนพ่อแม่ พี่น้อง ญาติผู้ใหญ่
11. แบบอย่าง “ พี่เลี้ยง” ในพระคัมภีร์
11.1 เยโธรกับโมเสส “คําแนะนําในการบริหาร” (อพย.18)
11.2 โมเสสกับโยชูวา “หนุนใจ” (ฉธบ.31:7-8)
11.3 นาโอมีกับรูธ “สติปัญญาในการตัดสินใจ” (นรธ.3.1-5)
11.4 เอลีกับซามูเอล “วิจารณญาณ (1 ซมอ.3:4-9)
11.5 โยนาธานกับเดวิด "มิตรภาพ" (1 ซมอ.23:15-18)
11.6 นาธานกับเดวิด “เผชิญหน้าและตรวจสอบ” (2 ซมอ.12:1-15)
11.7 เอลียาห์กับเอลีชา “การสืบทอดอำนาน” (2พกษ.2)
11.8 โมรเดคัยกับเอสเธอร์ “เตือนสติให้ตัดสินใจ” อสธ. 4:13-14
11.9 พระเยซูกับเปโตร “การรื้อฟื้นชีวิต” ยน.21:15-19
11.10 บารนาบัสกับเปาโล “ การยืนยัน / รับรอง" (กจ. 9.26-30)
11.11 ปริสซิลลาและอควิลลากับอปอลโล “อธิบายและแก้ไข” ( กจ. 18.24-28)
11.12 เปาโลกับฟิเลโมน “เรียกร้องให้เติบโต” (ฟม.)
11.13 เปาโลกับทิโมธี“ การส่งต่อพันธกิจ (2ทธ.3:10-14)
12. ข้อเตือนใจ
การเป็นพี่เลี้ยง คือช่วงเวลาที่พระเจ้าให้โอกาสเราในการใช้ชีวิตของเราเพื่อเสริมสร้าง หนุนใจ และพัฒนาผู้อื่น ให้เขาเติบโตขึ้นในพระคริสต์ ดังนั้นเขาจึงไม่ใช่บริวารของเรา หรือสมบัติของเรา ซึ่งหากในอนาคตพระเจ้าอาจจะใช้เขาไปเกิดผลในที่อื่นก็ได้ที่พระองค์ทรงเรียกเขาไป ซึ่งนั่นเป็นเอกสิทธิ์ของพระองค์
13. คําพูดจากพี่เลี้ยง
“ ระดับความรักของเราจะกำหนดระดับความเสียสละของเรา”“
“ ผมเป็นเพื่อนและผมอยากช่วย “แสดงตัวตนในพระคริสต์” ของเราให้น้องเลี้ยงเห็น ”
“ สุดท้ายการตัดสินใจเป็นของเขาถ้าผิดพลาดไปก็ยังมีบ่าผมให้ซบ ”
“ ผมคิดว่าชีวิตและทัศนคติสำคัญกว่าความรู้ ”
“ ผมภูมิใจและชื่นใจที่ได้ใช้ศักยภาพในการช่วยคนอื่นให้เติบโต ผมมองว่าเป็นเกียรติและความภูมิใจที่ได้ดูแลพวกเขา”
14. สิ่งที่พี่เลี้ยงจะได้รับ
ความชื่นใจและความอิ่มใจเมื่อเห็นคนอื่นประสบความสำเร็จ
1ธส.2:19 “เพราะอะไรเล่าจะเป็นความหวังหรือความชื่นชมยินดี หรือสิ่งภูมิใจ จำเพาะพระพักตร์พระเยซูคริสต์เจ้า เมื่อพระองค์จะเสด็จมา ก็มิใช่ท่านทั้งหลายดอกหรือ”
ได้รับบำเหน็จรางวัลจากพระเจ้า
ฮบ.6:10 “เพราะว่าพระเจ้าไม่ทรงอธรรม ที่จะทรงลืมการงานซึ่งท่านได้กระทำ เพราะความรัก ที่ท่านมีต่อพระนามของพระองค์ คือการรับใช้ธรรมิกชนนั้น ดังที่ท่านยังรับใช้อยู่”
วว.22:12 “ดูเถิด เราจะมาในเร็วๆนี้ และจะนำบำเหน็จของเรามาด้วย เพื่อตอบแทนการกระทำของทุกคน 13เราคืออัลฟาและโอเมกา เป็นเบื้องต้นและเป็นเบื้องปลาย เป็นปฐมและเป็นอวสาน”
************************************************************************************************
“พระเจ้าทรงเป็นผู้เลี้ยงของข้าพเจ้า”
สดด.23
ข้อมูลอ้างอิง
- การพัฒนาสาวกของพระเยซู (การพี่เลี้ยง) : อาจารย์เอสรา โมทนาพระคุณ
- พี่เลี้ยง (Mentoring) : Thaibts
- ระบบพี่เลี้ยง (Mentoring System) สำหรับการจัดการความรู้ : มหาวิทยาลัยมหิดล
-. Mentoring : Bobb Biehl (1996)