카테고리 없음

멘토링(Mentoring) 강의안

Piamsuk 2022. 8. 20. 00:40

๏ สำรวจตัวเอง ๏

1.           ให้บุรุษทุกคนย้อนกลับไปคิดถึงอดีต อายุประมาณสิบแปดถึงยี่สิบ​ปี​ ตอนที่เราเป็นวัยรุ่นเกเร​ แล้วมีผู้ใหญ่ที่เราเคารพ

เวลาที่พบกันแล้วเขาถามถึงความทุกข์สุขของเราเสมอ มีสามท่านที่เรานึกถึงไหมครับ​ ให้ลองเขียนสามชื่อ​

1.1                                                             1.2                                                             1.3

       2.     และลองเปลี่ยนความคิดใหม่ ให้สมมติว่าเราเป็นผู้ใหญ่เหล่านั้นที่มีเด็กเกเรนับถือเรา​ มีข้อคิดอะไรบ้างที่เราได้จากเรื่อง                                       

              นี้ ให้เรามีโอกาสแบ่งปันร่วมกัน                                                                                                                                       

 

 (Mentoring)-  พี่เลี้ยง

1.ความสำคัญของพี่เลี้ยง

  1.1  เราต้องการกันและกัน

-             เมื่อเราได้มารู้จักพระเจ้า เราได้มีครอบครัวใหม่ในฝ่ายจิตวิญญาณที่พระเจ้าปรารถนาให้เราอยู่ร่วมกัน เพื่อเสริมสร้างซึ่งกันและกัน รับใช้ซึ่งกันและกัน ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เพื่อไปถึงเป้าหมายของพระเจ้า คือถึงความไพบูลย์ของพระคริสต์ร่วมกัน

  อฟ.4:13  จนกว่าเราทุกคนจะบรรลุถึงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในความเชื่อและในความรู้ถึงพระบุตรของพระเจ้า บรรลุความเป็นผู้ใหญ่ คือโตเต็มถึงขนาดความบริบูรณ์ของพระคริสต์”

 

       

1.2  เป็นคำสั่งของพระเยซูคริสต์

    ยอห์น 21:17 พระองค์ตรัสกับเขาครั้งที่สามว่า “ซีโมนบุตรยอห์นเอ๋ย ท่านรักเราหรือ?” เปโตรเสียใจมากที่พระองค์ตรัสถามเขาครั้งที่สามว่า “ท่านรักเราหรือ?” เขาจึงทูลพระองค์ว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ทรงทราบทุกสิ่ง พระองค์ทรงรู้ดีว่าข้าพระองค์รักพระองค์” พระเยซูตรัสกับเขาว่า “จงเลี้ยงดูแกะของเราเถิด

1.3         พระเยซูคริสต์ทรงใช้เวลากับอัครทูตทั้ง 12 คน ตลอดเวลาขณะที่พระองค์อยู่บนโลก

มก.3:14  14พระองค์จึงทรงแต่งตั้งสิบสองคนไว้ให้อยู่กับพระองค์ เป็นกลุ่มคนที่พระองค์เรียกว่าอัครทูต เพื่อจะทรงใช้พวกเขาออกไปประกาศ”

 

2. ความหมาย

              เป็นกระบวนการในการฟูมฟักและฝึกฝนผู้เชื่อให้สู่ความเป็นผู้ใหญ่ในพระเยซูคริสต์และปรนนิบัติรับใช้พระเจ้าตามของประทานที่พระเจ้าประทานให้แก่พวกเขาโดยมีลักษณะของความสัมพันธ์ ดังนี้

             คนที่ช่วยเหลืออีกคนหนึ่งให้เติบโตด้านร่างกายจิตใจจิตวิญญาณ, การรับใช้ หรือทักษะในงานอาชีพ ผ่านความสัมพันธ์ส่วนตัวในช่วงเวลาหนึ่ง

             คนสองคนตกลงกันที่จะให้ความสนใจอย่างเต็มที่ว่าพระเจ้ากำลังทำอะไรในชีวิตของซึ่งกันและกันและแสวงหาที่จะตอบสนองด้วยความเชื่อ (Eugene H. Peterson)

3. ระยะเวลา

             การเป็นพี่เลี้ยงเป็นกระบวนการที่ต้องใช้เวลา (결혼관계)

     3.1  การฟูมฟัก

                  เมื่อมีผู้ที่มาเชื่อในพระเยซูคริสต์ใหม่นั้น  เขาเปรียบเสมือนทารกฝ่ายวิญญาณ ที่มีความจำกัดในการดูแลตัวเอง ทารกไม่สามารถดูแลตนเองได้ฉันใด เขาก็ไม่สามารถดูแลตนเองได้ฉันนั้น เขาจำเป็นต้องพึ่งพาผู้อื่นในการเลี้ยงดู เพื่อเขาจะเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ในพระเยซูคริสต์ 

                 1ปต.2:2  เช่นเดียวกับทารกแรกเกิด จงปรารถนาน้ำนมฝ่ายวิญญาณที่ไร้สิ่งเจือปน เพื่อโดยน้ำนมนั้นพวกท่านจะเติบโตขึ้นสู่ความรอด”

           การติดตามผล 4 วิธีในพันธสัญญาใหม่

1.           การพบปะเป็นการส่วนตัว  (Personal contact)

                   การใช้เวลาเป็นการส่วนตัว ทำให้พี่เลี้ยง (Mentor) และน้องเลี้ยง (Mentee) รู้จักซึ่งกันและกันมากขึ้น ในด้านอารมณ์ อุปนิสัย จุดเด่น จุดด้อย ข้อดี ข้อเสีย และยังเป็นวิธีที่ทำให้ ผู้เลี้ยงสามารถส่งอิทธิพลในทางบวกให้กับน้องเลี้ยงได้โดยตรง

             1.1 ตัวอย่างในพระคัมภีร์

             พระเยซูกับ 12  อัครสาวก

   มก.3:13-14  แล้วพระองค์เสด็จขึ้นภูเขา และพระองค์พอพระทัยผู้ใด ก็ทรงเรียกผู้นั้น แล้วพวกเขาก็มาหาพระองค์ 14พระองค์จึงทรงแต่งตั้งสิบสองคนไว้ให้อยู่กับพระองค์ เป็นกลุ่มคนที่พระองค์เรียกว่าอัครทูต เพื่อจะทรงใช้พวกเขาออกไปประกาศ”

             บารนาบัสกับเปาโล

กจ. 9.26-27  เมื่อเซาโลไปถึงกรุงเยรูซาเล็มแล้ว ท่านพยายามจะเข้าร่วมกับพวกสาวก แต่เขาทั้งหลายกลัว เพราะไม่เชื่อว่าเซาโลเป็นสาวก 27แต่บารนาบัสพาท่านไปหาพวกอัครทูต และเล่าให้พวกเขาฟังว่าเซาโลเห็นองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ที่ตรัสกับท่านระหว่างทางอย่างไร และท่านประกาศออกพระนามพระเยซูด้วยใจกล้าหาญในเมืองดามัสกัสอย่างไร”

2.           การอธิษฐานเป็นการส่วนตัว  (Personal prayer)

  อธิษฐานเผื่อเขาอย่างเฉพาะเจาะจง

-             พระเยซูทรงอธิษฐานก่อนเลือกอัครสาวก 12 คน

ลก.6:12-13  ในเวลาต่อมาพระเยซูเสด็จไปที่ภูเขาเพื่อจะอธิษฐาน พระองค์ทรงอธิษฐานต่อพระเจ้าตลอดทั้งคืน 13พอถึงรุ่งเช้าพระองค์ทรงเรียกสาวกมา แล้วทรงเลือกสาวกสิบสองคนผู้ซึ่งพระองค์ให้ชื่อว่าอัครทูต”

-             พระเยซูทรงอธิษฐานเผื่ออัครทูต

                           ยน.17:6-9    6“ข้าพระองค์สำแดงพระนามของพระองค์ แก่บรรดาคนที่พระองค์ประทานแก่ข้าพระองค์จากโลก คนเหล่านั้นเป็นของพระองค์แล้ว และพระองค์ประทานพวกเขาแก่ข้าพระองค์ และเขาได้ปฏิบัติตามพระดำรัสของพระองค์แล้ว 7บัดนี้พวกเขารู้ว่าทุกสิ่งที่พระองค์ประทานแก่ข้าพระองค์นั้นมาจากพระองค์ 8เพราะว่าพระดำรัสที่พระองค์ตรัสแก่ข้าพระองค์นั้น ข้าพระองค์ให้พวกเขาแล้วและเขารับไว้ และรู้แน่ว่าข้าพระองค์มาจากพระองค์ และเชื่อแล้วว่าพระองค์ทรงใช้ข้าพระองค์มา 9ข้าพระองค์อธิษฐานเพื่อพวกเขา ข้าพระองค์ไม่ได้อธิษฐานเพื่อโลก แต่เพื่อคนเหล่านั้นที่พระองค์ประทานแก่ข้าพระองค์ เพราะว่าเขาเป็นของ

3.           การส่งตัวแทนส่วนตัว (Personal Representatives)

               เมื่อเปาโลไม่สามารถเดินทางไปได้ เปาโลส่งคนเหล่านี้ไปเป็นตัวแทนของท่าน

            ตัวแทนของอัครทูตเปาโล

-             ทิโมธี  (ฟป.2:19-22)

-             เอปาฟรัส  (คส.1:7 ; 4:12)

-             ทีคีกัส   (กจ.20:4 ; 2ทธ.4:12 ; คส.4:7)

-             ทิตัส  2คร.8:23 ; 2ทธ.4:10 ; ทต.1:5)

4.           การเขียนจดหมายส่วนตัว  (Personal Corresdence)

-             ในพันธสัญญาใหม่ เปาโลได้เขียนจดหมายทั้งหมด 13 ฉบับ เพื่อสอน เตือนสติ หนุนใจคริสตจักรและบุคคล

-             เปโตรเขียนจดหมาย 2 ฉบับ    (2ปต1:12-15)

                            เนื่องจากในสมัยนั้นไม่มีโทรศัพท์ หรือ อินเตอร์เน็ต เปาโล และเปโตร จึงใช้การเขียนจดหมาย  แต่ในยุคสมัยปัจจุบันเราสามารถประยุกต์ใช้เครื่องมืออื่น ๆ หรือ Social Networking ในการติดต่อสื่อสารแทนได้ เช่น  sms , Line , Zoom ฯลฯ ซึ่งสะดวก รวดเร็วกว่า และมีฟังก์ชั่นการใช้งานให้เลือกใช้หลากหลาย และดีกว่าในสมัยก่อนมาก

 4.  การฝึกฝนผู้เชื่อ

             คือการทำหลาย ๆ ครั้งจนชำนาญ เช่น การขับรถต้องฝึกขับหลาย ๆ ครั้ง จึงจะสามารถขับเป็นได้

             ต้องมีคนเป็นต้นแบบ  พี่เลี้ยงต้องเป็นผู้ที่มีความเชี่ยวชาญและมีประสบการณ์มากกว่าน้องเลี้ยง จึงจะสามารถนำไปสอนต่อ ถ่ายทอด แนะนำ และทำให้ดูเป็นแบบอย่างได้ 

          องค์ประกอบ 4 ส่วนในการฝึกฝน

1)               พี่ทำ น้องดู

2)               เราทำด้วยกัน

3)               ให้น้องทำ พี่หนุน

4)               น้องหาคนอื่น และทำให้เขาดู

5.           เป้าหมาย

              5.1  เติบโตขึ้นสู่ความเป็นผู้ใหญ่ในพระคริสต์

                 Being สำคัญกว่า Doing         (ตัวตนที่แท้จริงของเราสำคัญกว่าสิ่งที่เราทำ)

                         

                 ให้เขาเติบโตขึ้นในความสัมพันธ์ของเขากับพระเจ้า ในพระคำ ในการนมัสการ ในการอธิษฐาน

                 ในลักษณะชีวิตส่วนตัวที่เหมือนกับพระเยซูคริสต์

               5.2  เติบโตขึ้นในของประทาน

         2ทธ.1:6  เพราะเหตุนี้ข้าพเจ้าจึงขอเตือนความจำท่านว่า ของประทานของพระเจ้าที่มีในตัวท่านโดยผ่านทางการวางมือของข้าพเจ้านั้น จงทำให้รุ่งเรืองขึ้น”

             ช่วยเขาให้ค้นพบของประทาน

วิธีการช่วยค้นพบของประทาน

          มักเป็นสิ่งที่ชอบ   เรามีความสนใจ หรือมีความถนัดในด้านหนึ่งด้านใดเป็นพิเศษหรือไม่

          ลองทำดู   ลองลงมือทำดูโดยใช้เวลาสักระยะหนึ่ง ว่าเราสามารถทำได้ดี มีการพัฒนาขึ้นหรือไม่

          ให้คนอื่นช่วยเป็นกระจก   สอบถามคนที่อยู่รอบข้างว่า มีสิ่งใดหรือการรับใช้พระเจ้าในด้านใดบ้าง ที่ทำให้เขารู้สึกว่าได้รับพระพร หรือได้รับการสัมผัสแตะต้องเป็นพิเศษจากพระเจ้าผ่านชีวิตของเรา

          ทำแบบทดสอบของประทาน   ทำแบบทดสอบที่จัดทำขึ้นโดยคริสตจักร เพื่อเป็นการช่วย และตรวจสอบหาของประทานเบื้องต้นในชีวิตของเรา   * (สถาบันมีแบบทดสอบของประทาน )

5.2          ให้เขาสามารถสอนคนอื่นต่อได้

             ไม่เพียงแต่สอนให้เขาติดตามพระเจ้าเท่านั้น แต่ต้องสอนให้เขาเข้าใจและฝึกฝนเขาให้เกิดความชำนาญ และสามารถที่จะสอนคนอื่นต่อได้  ซึ่งเป็นพระมหาบัญชาของพระเยซูคริสต์  ที่จะทำให้อาณาจักรของพระเจ้าขยายออกไป

                           ลก.6:40  ศิษย์ไม่ใหญ่ไปกว่าครู แต่ศิษย์ทุกคนที่ได้รับการฝึกสอนสมบูรณ์แล้ว ก็จะเป็นเหมือนอย่างครู”

6.           หลักสำคัญในการเป็นพี่เลี้ยง

6.1          ถ่ายทอดด้วยคำสอนที่ถูกต้อง

-             สามารถสอนพระวจนะได้อย่างถูกต้องตามหลักการพระคัมภีร์

            2ทธ.2:15  จงอุตส่าห์สำแดงตนว่าได้ทรงพิสูจน์แล้วเป็นคนงานที่ไม่ต้องอาย ใช้พระวจนะแห่งความจริงอย่างถูกต้อง”

6.2          เป็นแบบอย่างของชีวิต

การมีชีวิตที่เป็นแบบอย่างเป็นสิ่งที่มีความสำคัญ เพราะจะทำให้พี่เลี้ยงมีความน่าเชื่อถือ ซึ่งจะทำให้น้องเลี้ยงสามารถดูเป็นแบบอย่าง และทำตามพี่เลี้ยงได้

                1คร.11:1  ท่านทั้งหลายจงทำตามแบบอย่างของข้าพเจ้า เหมือนอย่างที่ข้าพเจ้าทำตามแบบอย่างของพระคริสต์”

               ไม่มีใครเป็นคนที่สมบูรณ์แบบนอกจากพระคริสต์ แต่พี่เลี้ยงต้องมีความตั้งใจที่จะดำเนินชีวิตเหมือนกับพระคริสต์ หากพี่เลี้ยงผิดพลาดแต่รีบกลับใจและขอโทษในสิ่งที่ทำผิดไป ก็จะทำให้น้องเลี้ยงได้เห็นแบบอย่างที่ดี และกล้าที่จะเปิดเผยตนเองกับพี่เลี้ยงมากขึ้น

                    6.3 เรามีเวลาที่จำกัด เราจึงต้องใช้เวลาที่มีอยู่อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด

-             การใช้เวลาแบบส่วนตัวจะมีประสิทธิภาพมากกว่าการใช้เวลาแบบเป็นกลุ่ม เพราะจะสามารถลงลึกในชีวิตส่วนตัว และรายละเอียดต่าง ๆ ได้มากกว่า

-             ถ้าเราต้องเลือกระหว่างคนสองประเภท คือคนที่ร้อนรน กับคนที่ไม่ร้อนรน หากเราเลือกใช้เวลากับคนที่ร้อนรน กระตือรือร้น ในการเดินติดตามพระเจ้า จะมีผลทำให้งานของพระเจ้าเกิดผล และขยายออกไปมากกว่าในระยะยาว

7. ลักษณะชีวิตที่พี่เลี้ยงควรมี

          เป็นผู้ใหญ่ในฝ่ายจิตวิญญาณ

          มีชีวิตที่เป็นแบบอย่างในความบริสุทธิ์

          รักและเอาใจใส่

          เข้าหาผู้อื่นก่อน

          มีความยืดหยุ่น

          ให้โอกาส

          มีความเมตตากรุณา

          มีความสุภาพอ่อนโยน

          เตือนสติ

          หนุนใจ

          ช่วยเหลือเผื่อแผ่

          อุทิศตัว

8.           ทักษะสำคัญของพี่เลี้ยง

          การฟัง” และ “การถาม“ เป็นคุณสมบัติที่สำคัญที่จะทำให้พี่เลี้ยงเข้าใจเรื่องราวต่าง ๆ ได้อย่างถูกต้อง ซึ่งผลที่ตามมาคือ ทำให้พี่เลี้ยงสามารถแนะนำน้องเลี้ยงได้อย่างถูกต้องเช่นกัน

          การโค้ช (Coaching) คือทักษะในการสื่อสารและการทำงานร่วมกัน ระหว่างพี่เลี้ยงและน้องเลี้ยง เพื่อให้น้องเลี้ยงสามารถพัฒนาตนเองขึ้นได้ด้วยความสามารถของเขาเอง โดยพี่เลี้ยงต้องเปิดใจ และเชื่อมั่นในศักยภาพของน้องเลี้ยง และใช้ทักษะการโค้ช เช่น คำถามปลายเปิดเพื่อ สร้างการเติบโตทางความคิด ให้ได้ความคิดใหม่ เพื่อให้ผลที่เกิดขึ้นมีคุณภาพ ให้เกิดการพัฒนาตัวเอง และการสร้างแรงบันดาลป็ใจ เนต้น

          การให้คำปรึกษา (Consulting) สามารถให้คำปรึกษาแนะนำเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ให้น้องเลี้ยงได้รับรู้ แล้วสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในสถานการณ์ต่าง ๆ ได้

          การให้คำปรึกษาด้านชีวิต (Counseling) เป็นการให้คำปรึกษาเพื่อแก้ไขปัญหาชีวิต ให้สามารถดำรงชีวิต ได้อย่างมีความสุข  และไปถึงเป้าประสงค์ของพระเจ้าในชีวิต

          มีวิจารณญาณ  สามารถที่จะเข้าใจสถานการณ์ของน้องเลี้ยง และนำมาวินิจฉัย แยกแยะ และแนะนำน้องเลี้ยงในเรื่องทางจริยธรรมที่ถูกต้องเหมาะสมได้

 

9.            พี่เลี้ยงที่ดี

          เอาใจใส่ชีวิตน้องเลี้ยง ความต้องการ ,อารมณ์ ,ความรู้สึก ,ค่านิยม, ความคิด, พฤติกรรม ความเชื่อ, ไลฟ์สไตล์, สิ่งที่ต้องการพัฒนา

          การพูดคุยส่วนตัว ทั้งที่มีและไม่มีวัตถุประสงค์ชัดเจน ศึกษาพระคำอธิษฐาน, แก้ไขวิกฤตเฉพาะหน้า, การตัดสินใจที่สำคัญ, เรียนรู้ทักษะบางอย่าง ฯลฯ

          การทำพันธกิจหรือโปรเจคร่วมกัน ทำงานที่เดียวกัน ไปมิชชั่นทีม วิชั่นทีม รับใช้ในทีมเดียวกัน ฯลฯ

          ให้คุณค่ากับ “เวลาพิเศษ” ของน้องเลี้ยงรับปริญญาแต่งงานวันเกิดขึ้นบ้านใหม่เลื่อนตำแหน่ง ฯล

          ใช้เวลาพักผ่อนหรือสันทนาการด้วยกัน โดยเฉพาะน้องเลี้ยงที่ยังอายุน้อย

          ช่วยในการตัดสินใจ (Decision Making)

          พี่เลี้ยงมองสถานการณ์, สะท้อนความคิด, แชร์ประสบการณ์, ช่วยไตร่ตรอง, คิดถึงทางเลือกต่างๆ, ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นและอธิษฐานเผื่อ

          พี่เลี้ยงอยู่เคียงข้างไม่ว่าผลการตัดสินใจจะเป็นอย่างไรการอธิษฐาน

          ให้ตระหนักถึงการทรงสถิตของพระเจ้าแสวงหาสติปัญญาจากพระองค์

          เป็นแหล่งพลังฝ่ายวิญญาณ

          แบ่งปันอารมณ์ความรู้สึกและความกังวลใจ

          ตรวจสอบสภาพจิตวิญญาณของน้องเลี้ยง

 

10.          น้องเลี้ยงที่ดี

            ยอมฟังผู้อื่น ถ่อมใจ

             ไว้วางใจ และเปิดเผย

          แสวงหาการเติบโต โดยเฉพาะช่วงเวลาที่มีการเปลี่ยนแปลงขชีวิต เช่นการเริ่มเข้าเรียนในมหาวิทยาลัย, มีแฟน, เริ่มงาน, แต่งงาน, มีลูก, เริ่มทําธุรกิจ, เริ่มงานรับใช้ใหม่ ๆ เป็นต้น

จากงานวิจัยพบว่า

         การรักษาความลับ (Confidentiality)

          70% ของน้องเลี้ยงบอกว่าการรักษาความลับเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด 25% บอกว่า“ สําคัญมาก

          76.8% ของน้องเลี้ยงบอกว่า “คุยเรื่องส่วนตัวให้พี่เลี้ยงฟังเป็น“ ครั้งคราว   21.4%  คุยเรื่องส่วนตัวกับพี่เลี้ยง เสมอ ๆ “

          สำหรับน้องเลี้ยงพี่เลี้ยงคือ “ ที่ปรึกษาที่พร้อมช่วยเหลือและจับต้องได้” (immediate and 13 touchable counselor) และเป็น  “แหล่งพลังฝ่ายวิญญาณ”  (sprititual backup)

ความสัมพันธ์ตลอดชีวิต

          73.2% ของน้องเลี้ยงบอกว่าความสัมพันธ์กับพี่เลี้ยงเป็น “ความสัมพันธ์ตลอดชีวิต” (life-time relationship)

          50% ของพี่เลี้ยงน้องเลี้ยงตอบว่าพี่เลี้ยงน้องเลี้ยงน้องอยู่ใน  “ระดับเดียวกับคนในครอบครัว” เป็นเหมือนพ่อแม่ พี่น้อง ญาติผู้ใหญ่

         

11.          แบบอย่าง “ พี่เลี้ยง” ในพระคัมภีร์

11.1           เยโธรกับโมเสส  “คําแนะนําในการบริหาร”   (อพย.18)

11.2           โมเสสกับโยชูวา “หนุนใจ”  (ฉธบ.31:7-8)

11.3          นาโอมีกับรูธ                      “สติปัญญาในการตัดสินใจ”  (นรธ.3.1-5)

11.4          เอลีกับซามูเอล     “วิจารณญาณ (1 ซมอ.3:4-9)

11.5          โยนาธานกับเดวิด               "มิตรภาพ"  (1 ซมอ.23:15-18)

11.6          นาธานกับเดวิด     “เผชิญหน้าและตรวจสอบ”  (2 ซมอ.12:1-15)

11.7        เอลียาห์กับเอลีชา  “การสืบทอดอำนาน”  (2พกษ.2)

11.8          โมรเดคัยกับเอสเธอร์  “เตือนสติให้ตัดสินใจ”   อสธ. 4:13-14

11.9          พระเยซูกับเปโตร               “การรื้อฟื้นชีวิต”   ยน.21:15-19

11.10        บารนาบัสกับเปาโล            “ การยืนยัน / รับรอง"   (กจ. 9.26-30) 

11.11      ปริสซิลลาและอควิลลากับอปอลโล  “อธิบายและแก้ไข” ( กจ. 18.24-28)

11.12      เปาโลกับฟิเลโมน  “เรียกร้องให้เติบโต”  (ฟม.)

11.13      เปาโลกับทิโมธี“    การส่งต่อพันธกิจ   (2ทธ.3:10-14)

 

12.          ข้อเตือนใจ

              การเป็นพี่เลี้ยง คือช่วงเวลาที่พระเจ้าให้โอกาสเราในการใช้ชีวิตของเราเพื่อเสริมสร้าง หนุนใจ และพัฒนาผู้อื่น ให้เขาเติบโตขึ้นในพระคริสต์ ดังนั้นเขาจึงไม่ใช่บริวารของเรา หรือสมบัติของเรา ซึ่งหากในอนาคตพระเจ้าอาจจะใช้เขาไปเกิดผลในที่อื่นก็ได้ที่พระองค์ทรงเรียกเขาไป ซึ่งนั่นเป็นเอกสิทธิ์ของพระองค์

 

13.          คําพูดจากพี่เลี้ยง

      ระดับความรักของเราจะกำหนดระดับความเสียสละของเรา”“

      ผมเป็นเพื่อนและผมอยากช่วย “แสดงตัวตนในพระคริสต์” ของเราให้น้องเลี้ยงเห็น ”

      สุดท้ายการตัดสินใจเป็นของเขาถ้าผิดพลาดไปก็ยังมีบ่าผมให้ซบ ”

      ผมคิดว่าชีวิตและทัศนคติสำคัญกว่าความรู้ ”

      ผมภูมิใจและชื่นใจที่ได้ใช้ศักยภาพในการช่วยคนอื่นให้เติบโต ผมมองว่าเป็นเกียรติและความภูมิใจที่ได้ดูแลพวกเขา”

14.          สิ่งที่พี่เลี้ยงจะได้รับ

             ความชื่นใจและความอิ่มใจเมื่อเห็นคนอื่นประสบความสำเร็จ

   1ธส.2:19  เพราะอะไรเล่าจะเป็นความหวังหรือความชื่นชมยินดี หรือสิ่งภูมิใจ จำเพาะพระพักตร์พระเยซูคริสต์เจ้า เมื่อพระองค์จะเสด็จมา ก็มิใช่ท่านทั้งหลายดอกหรือ”

             ได้รับบำเหน็จรางวัลจากพระเจ้า

    ฮบ.6:10  เพราะว่าพระเจ้าไม่ทรงอธรรม ที่จะทรงลืมการงานซึ่งท่านได้กระทำ เพราะความรัก  ที่ท่านมีต่อพระนามของพระองค์ คือการรับใช้ธรรมิกชนนั้น ดังที่ท่านยังรับใช้อยู่”

    วว.22:12  ดูเถิด เราจะมาในเร็วๆนี้ และจะนำบำเหน็จของเรามาด้วย เพื่อตอบแทนการกระทำของทุกคน 13เราคืออัลฟาและโอเมกา เป็นเบื้องต้นและเป็นเบื้องปลาย เป็นปฐมและเป็นอวสาน”

************************************************************************************************

 

          พระเจ้าทรงเป็นผู้เลี้ยงของข้าพเจ้า”

    สดด.23

ข้อมูลอ้างอิง

-             การพัฒนาสาวกของพระเยซู (การพี่เลี้ยง) : อาจารย์เอสรา โมทนาพระคุณ

-             พี่เลี้ยง (Mentoring)  : Thaibts

-             ระบบพี่เลี้ยง (Mentoring System) สำหรับการจัดการความรู้ : มหาวิทยาลัยมหิดล

-.              Mentoring  :  Bobb Biehl (1996)